ปฐมบทชนชาติยิว
โดย ดร.วลีด อีซอ
หน้าหนึ่งจากประวัติศาสตร์อารยธรรมชาติพันธุ์ของมนุษย์ นับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เชื้อชาติ ยิว เป็นกลุ่มชนหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน 1000 ปี ก่อนคริสตกาล แทรกตัวผ่านกาลเวลาผ่านเหตุการณ์สำคัญต่างๆมากมายในประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์ โดยมีการเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ผ่านจุดกำเนิดอารยธรรมศาสนาโบราณของโลก ยูดาย (Judaism) คริสต์ (Chris) และอิสลาม (Islam) เป็นศาสนาที่มีหลักการบูชาพระเจ้าองค์เดียว เปรียบเสมือนแม่น้ำสายหลักสายหนึ่ง ที่ไหลผ่านกาลเวลา ไหลแยกผ่านเป็นแม่น้ำสายใหม่อีก 3 สาย โดยผ่านจุดหักเหทางด้านความศรัทธรา ความคิด ความเชื่อมั่น และการบิดเบือน
1400 ปีก่อนคริสตกาล กลุ่มชนที่ถูกเรียกขนานนามว่า ชาวฮิบรู (Hebrew) คือต้นกำเนิดชาวยิว (Jew) ในปัจจุบัน หรือ อิสลามเรียกว่าชาวยะฮูดี ชาวฮิบรูเป็นชนผิวขาว เป็นหนึ่งในกลุ่มชน เผ่าเซมิติค (Semitic) ซึ่งชนชาติอาหรับก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า เซมิติค ชาวฮิบรูมีอาชีพคือเลี้ยงสัตว์ ตั้งถิ่นฐานอยู่ในลุ่มแม่น้ำ ยูเฟรติส (Euphrates) ประเทศอิรัก ในปัจจุบัน กล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ของชาวยิวและศาสนายูดายเริ่มต้นที่ชาย ชื่อ อับราฮัม (Abraham) หรือ อิบรอฮีม ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองบาบิโลน (ประเทศอิรัก) ณ ขณะนั้นเมืองสำคัญต่างๆมีพระเจ้าของตนเอง แต่อับราฮัมคิดว่าพระเจ้าที่แท้จริงมีองค์เดียวเขาและครอบครัวจึงออกเดินทางแสวงหาแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดเริ่มต้นของชาวยิวและศาสนายูดาย
จากบทนำที่ผ่านมาศาสนา ยูดาย คริสต์ และอิสลาม มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างชัดเจน หากแต่ว่ากาลเวลาที่ผ่านไป หลักการศรัทธรา ความเชื่อมั่น ได้ถูกบิดเบือนและเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้เห็นได้ว่า บุคคลสำคัญต่างๆที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ มีชื่อเรียกที่คล้ายคลึงกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือบุคคลเดียวกันนั้นเอง หากแต่ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแยกออกเป็นศาสนาต่างๆการบันทึกผ่านหน้าประวัติศาสตร์จึงมีความแตกต่างออกไป
ตารางเปรียบเทียบ 3 ศาสนา
ศาสนา |
พระเจ้า |
ศาสดา |
คัมภีร์ |
ยูดาย (Judaism) |
ยะฮเว (Yahweh) |
โมเสส (Moses) |
โตราห์* (Torah) |
คริสต์ (Chris) |
ยะฮเว (Yahweh) |
เยซู (Jesus) |
ไบเบิล**(Bible) |
อิสลาม (Islam) |
อัลเลาะห์ (Allah) |
มูฮัมหมัด (Muhammad) |
อัลกุรอ่าน (Alquran) |
*คัมภีร์ โตราห์ ของยูดาย (หรือเตาร๊อต ในภาษาอาหรับ) ประทานลงมาก่อนคัมภีร์ไบเบิล แต่ชาวคริสต์ก็ยังยึดถือและนำมาเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสต์คัมภีร์ (Bible) ในภาคพันธสัญญาเก่า (Old Testament) ด้วย โดยนำมาเป็น 5 เล่มแรก เบญจพรรณ (Pentateuch) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง จากจำนวนทั้งหมด 46 เล่ม ในภาคพันธสัญญาเก่า (Old Testament) ดังนั้นเราสามารถพูดได้ว่าใน 5 ส่วนแรก ในคัมภีร์ไบเบิล (Old testament) คือ คัมภีร์โตราห์
**คัมภีร์ ไบเบิล หรือ อินญี้ล ประกอบด้วย 73 เล่ม ซึ่งแบ่งออกเป็น สองภาค พันธสัญญาเดิม (Old Testament) จำนวน 46 เล่ม และ พันธสัญญาใหม่ (New Testament) 27 เล่ม พันธสัญญาเก่าเกิดขึ้นก่อนการประสูติของพรเยซู ส่วน พันธสัญญาใหม่เกิดขึ้นหลังจากการประสูติของพระเยซู
ชาวฮิบรู ได้อพยพ จากเมือง บาบิโลน (Babylon) อิรักปัจจุบัน มายังดินแดนของ คนาอัน (Cannaan) หรือปาเลสไตน์ ของชนเผ่า เคนันไนท์ (Cananite) หรือ กันอาน ในอิสลาม บริเวณดังกล่าวเป็นอนาจักรที่มีความเจริญมั่งคั่ง ที่ตั้งถิ่นฐานมาช้านาน (ประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล) ชาวเคนันไนท์ เป็นชนเผ่าเซมิติคอีกสาขาหนึ่ง ซึ่งเจริญขึ้นได้เพราะได้รับอารยธรรม จากอียิปต์โบราณ และ บาบิโลเนีย สามารถสร้างบ้านเมืองใหญ่โต และมีป้อมปราการล้อมรอม เรียกว่า “นครเยรูซาเล็ม”
อับราฮัม มีลูกชาย 2 คน คือ อิชมาเอล (Ishmael) และ อิสอัค (Isaac) หรือ อิสมาอีล และอิสฮาก โดยถือได้ว่า อิชมาอีล เป็นต้นตระกูลของชาวอาหรับ และ อิสอัคเป็นต้นตระกูลของชาวยิว และอิสอัค ต่อมาอิสอัคมีลูกชายที่ชื่อ ยาคอบ (Jacob) หรือ ยะก๊บ หลังจากนั้น ยาคอบ ก็มีลูกชาย อีก 12 คน ซึ่ง โจเซฟ (Joseph) หรือ ยูซุฟ และ ยูดาห์ (Judah) เป็นหนึ่งในพี่น้อง 12 คนนั้นด้วย ซึ่งชาวยิวส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจาก ยูดาห์

|
ยาคอบเป็นคนแรกที่ประกาศและปฏิญาณว่าเป็นผู้ที่ยึดมั่นในพระเจ้าอย่างเคร่งครัด ท่านผู้นี้จึงเรียกชื่อตนเองว่า “Israel” แปลว่า “บ่าวของพระเจ้า” ดังนั้นลูกหลานชาวอิสราเอลในปัจจุบันนั้นสืบเชื้อสายมาจาก ยาคอบ ซึ่งมีลูกชาย 12 คน และได้แต่งตั้งบุตร 12 คน ของเขาเป็นหัวหน้าเผ่าปกครอง 12 เผ่า พวกฮิบรูจึงเรียกตัวเองว่า อิสราเอลไลท์ (Israelite) แปลว่า ลูกหลานของชาวอิสราเอล (บะนีอิสรอเอล)
ต่อมา โจเซฟ บุตรของ ยาคอบ มีโอกาสเข้าไปรับราชการในราชสำนักของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ และได้ทำความดีความชอบเป็นที่โปรดปรานของฟาโรห์จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครมหาเสนาบดี ในระยะนั้นชาวฮิบรูได้พากันอพยพไปอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์เป็นจำนวนมาก พวกฮิบรูมีลักษณะรูปร่างแข็งแรง ขยันขันแข็งในการทำงานมีความอดทนต่อความยากลำบาก มีปัญญาดี แต่แล้วไม่นานเมื่อโจเซฟได้สิ้นชีวิตลง ฟาโรห์องค์ต่อมาเกิดความไม่ไว้วางใจพวก ชาวฮิบรู โดยเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จึงได้มีคำสั่งให้แยกชาวฮิบรูไปอยู่รวมกันต่างหาก ลดฐานะลง โดยให้เป็นทาสและถูกเกณฑ์เป็นแรงงานในการก่อสร้าง ปีรามิด
จนกระทั่ง โมเสส (Moses) หรือ มูซา เป็นลูกชายของชาวอิสรอเอลได้ถือกำเนิดขึ้น ในช่วงนั้นโหรของฟาโรห์ได้ทำนายไว้ว่า จะมีเด็กที่เกิดจากหญิงชายชาวอิสราเอล มาโค่นอำนาจของฟาโรห์จึงมีคำสั่งให้ฆ่าเด็กน้อยทุกคน แม่ของโมเสสกลัวลูกของตนจะได้รับอันตรายจึงนำลูกใส่ตะกร้าลอยน้ำ จนกระทั่งเจ้าหญิงของฟาโรห์พบและได้เลี้ยงดูจนกลายเป็นเจ้าชายแห่งอียิปต์ จนกระทั่งโมเสสได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้ปลดแอกชาวอิสรอเอลในอียิปต์โดยให้เดินทางออกจากเมืองเพื่อกลับไปยังดินแดนปาเลสไตน์แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แม้จะถูกกองทัพอียิปต์ขัดขวาง แต่พระเจ้าได้เปิดทะเลแดงให้ชาวอิสราเอลผ่านไปได้ แต่กลับไหลท่วมทหารอียิปต์ที่ตามมาโจมตี จากนั้นระหว่างทางที่โมเสสพาชาวอิสรอเอลกลับไปยังดินแดนของบรรพบุรุษเขาไปพบกับพระเจ้าบนภูเขาซีนาย (อียิปต์) และได้รับบัญญัติ 10 ประการ (Ten commandments) จากพระเจ้า แต่เนื่องจากชาวอิสราเอลไม่ปฏิบัติตามกฎของพระเจ้า จึงถูกลงโทษให้หลงทางในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี หลังจากได้เดินทางสู่ดินแดน คนาอัน (ปาเสลไตน์) หรือ ดินแดนแห่งพันธสัญญาแล้ว โมเสส ได้เสียชีวิตลง
ต่อมาลูกหลานชาวยิวได้อาศัยอยู่เมือง คนาอัน หรือ อิสราเอลต่อมา และได้เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนแผ่นดินศักดิ์สิทธ์เป็นเวลาหลายครั้ง เช่น สงครามครูเสด ซึ่งแต่ละครั้งทำให้ชาวยิวได้ตกเป็นเชลยของชนชาติต่างๆหลายชนชาติและต้องอพยพไปอยู่ในประเทศต่างๆ หลายประเทศ ทั้งในยุโรป เอเชีย และทวีปอเมริกา แต่ชาวยิวกับยิดมั่นในพันธสัญญาระหว่างพวกเขาและพระเจ้าที่ว่าพระเจ้าจะนำพวกเขากลับไปยังดินแดนที่เพราะเจ้าเลือกไว้ นั่นก็คือ “อิสราเอล” |